108. คุณอนิรุทธ หุตางกูร ให้แนวทาง และวิธีการสร้างกลยุทธ์ ในการทำยอดขายเพิ่มขึ้น 300% ในกลุ่ม สินค้าอุปโภคบริโภค

แนวทาง และวิธีการสร้างกลยุทธ์ ในการทำยอดขายเพิ่มขึ้น 300 % ในกลุ่ม สินค้าอุปโภคบริโภค

หลักสำคัญ ในการทำยอดขายให้ได้เพิ่มขึ้น 300 % คือ ต้องไม่หยุดอยู่กับที่ มีการคิดหาแนวทาง การพัฒนาธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งแนวทาง และสิ่งที่สร้างสรรค์ความคิด และวิธีการใหม่ๆ จะเกิดขึ้นได้ดีที่สุด จะต้องเกิดขึ้นจากตัวเราเอง ที่ได้พัฒนาแนวทางต่างๆ และแก้ปัญหา จากการปฏิบัติที่ยังไม่เกิดผล หรือ เกิดผลได้น้อยขึ้นมา ซึ่งตรงนี้ หากเรายังไม่มีประสบการณ์มามาก ต้องศึกษาแนวทาง และวิธีการ จากของคนอื่นที่เคยปฏิบัติ และทำสำเร็จมาแล้ว แล้วเรานำมาพัฒนาต่อยอดใหม่ สร้างให้เกิดผลที่ดี และสำเร็จมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ผมถึงต้องเขียน บทนำ.. สิ่งมหัศจรรย์ เพื่อสร้างความสำเร็จในชีวิต ที่ทุกคนทำได้  ขึ้นมาในเว็บไซด์นี้ เพื่อบอกกับทุกคน ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตว่า ต้องศึกษาแนวทางของคนอื่น ที่เคยประสบความสำเร็จในชีวิตมาแล้ว แล้วนำมาปรับใช้ สำหรับตัวผมแล้ว เป็นผู้เชี่ยวชาญ และชำนาญด้านการพัฒนาธุรกิจ มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาการขาย เพื่อให้บริษัท มียอดขายเพิ่มขึ้นสูงกว่าเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ และผ่านการคิดหาแนวทาง แก้ปัญหา และสร้างกลยุทธ์ในการพัฒนายอดขาย ในธุรกิจประเภทต่างๆมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 20 ปี จึงเกิดความชำนาญ และสามารถดึงเอาแนวทาง และประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยได้นำไปใช้ ทำสำเร็จมาแล้ว และได้ผลดี มาแก้ปัญหาได้ทันที

ผมจึงแนะนำให้ทุกท่าน ที่สนใจด้านนี้ อ่านบทความของผม ทุกตัวอักษร ทุกบรรทัด และทุกๆบทความ เพราะในเว็บไซด์นี้ เป็นที่รวบรวมข้อมูลความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิควิธีการต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อแก้ปัญหา และพัฒนายอดขาย ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งวิธีการต่างๆ ในความสำเร็จนี้ ได้ถูกรวบรวมข้อมูลต่างๆ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี ถ้าคุณอ่านอย่างตั้งใจ และท่องจำได้ทุกบรรทัดทุกหน้า ผมมั่นใจเลยว่า คุณจะย่นเวลา เพื่อให้ตัวคุณประสบความสำเร็จ ได้เร็วขึ้นกว่าคนอื่น ไม่ต่ำกว่า 20 ปี เช่นกัน

1. สร้างแบรนด์ และประชาสัมพันธ์ ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ของบริษัทฯ ให้เป็นที่รู้จัก ดังนี้

1.1 ข้อดีของการสร้างแบรนด์

• ทำให้ผู้บริโภค เกิดความภัคดีในแบรนด์ของเรา
• ทำให้โครงสร้างราคาของเรา แข็งแกร่งขึ้น
• เป็นการสร้างเกราะป้องกัน ไม่ให้คู่แข่งเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดของเราไปได้
• ทำให้คู่ค้าของเรามีความเชื่อมั่น และเชื่อถือเรา
• เป็นการสร้างฐานที่แข็งแกร่ง ให้กับการขยายตัวของธุรกิจ ของเรา ให้ก้าวหน้าได้อย่างมั่นคง

1.2 จัดทำแนวทาง และวิธีการสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก กับกลุ่ม ผู้ประกอบการ ร้านขายของชำ มินิมาร์ท ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอาง ร้านขายยา และ กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

1.3 จัดทำแนวทาง และวิธีการสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก กับกลุ่ม ผู้ประกอบการ ที่จำหน่ายสินค้าทาง Online

1.4 จัดทำแนวทาง และวิธีการสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จัก กับผู้บริโภค ที่ปัจจุบัน ตลาดช่องทางต่างๆมียอดขายลดลง เพราะปัจจุบัน ผู้บรโภคหันมาหา และเลือกซื้อลินค้า และผลิภัณฑ์ต่างๆ ทาง Online มากขึ้น เพราะเทียบราคาได้ สามารถอ่านคุณสมบัติเด่นของสินค้าได้ง่าย และได้ดูผลของผู้ซื้อไปใช้ว่าได้ผลดีเพียงใด สามารถใช้เวลาไม่นานก็หาข้อมูลต่างๆและสรุปผลออกมาได้เลยว่า จะซื้อผลิตภัณฑ์ยี่ห้อไหน สั่งซื้อกับใคร ราคาเท่าไร ไม่ต้องเสียเวลาออกไปเดินช๊อป จุดนี้เองที่เราต้องให้ความสำคัญ และเน้นย้ำในการสร้างแบรนด์ด้วย ถ้าลูกค้ามั่นใจในแบรนด์เรา ยังงัยหาซื้อที่ไหนก็ยังจะเป็นจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรา

1.5 ออกบูธประชาสัมพันธ์ และขายสินค้าตามงานแสดงสินค้าต่างๆ ถ้าเป็นงานใหญ่ อาจจัดปีละ 2 ครั้ง โดยทางบริษัท ลงทุนเช่าบูธเอง เพื่อประชาสัมพันธ์แบรนด์

• คัดเลือกตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ ที่มีกำลังซื้อ ให้สั่งซื้อสินค้า LOT ใหญ่ จากทางบริษัทไป โดยกำไรของสินค้า LOT นี้ ใช้นำไปจ่ายค่าเช่าบูธ โดยตัดเป็นงบโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าเพื่อสร้างแบอาจรนด์ เพราะถือว่างานนี้ สามารถจำหน่ายสินค้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรงในทันที และสามารถกระจายให้กลุ่มลูกค้าได้รู้จักและซื้อไปลองใช้ได้
• ถ้าเป็นบูธใหญ่มาก อาจแบ่งให้มี ตัวแทนจำหน่าย 2 ราย ที่ทางบริษัท ตัดขายสินค้าที่กลุ่มสินค้าต่างกันให้ โดยอาจดูข้อมูลย้อนหลังว่า ตัวแทนจำหน่าย รายนี้สั่งซื้อสินค้าอะไรไปมากที่สุด ก็สนับสนุนกลุ่มสินค้า ประเภทนั้นๆให้ไปขายในงานแสดงสินค้า ประโยชน์ที่ทางบริษัทจะได้รับอีกทางหนึ่งก็คือ ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้สนับสนุนการขายสินค้าของบริษัทตลอดไป
• มีการตั้งเป้าหมายการขายสินค้ารวมในงาน โดยตั้งเป้าหมายการขายในแต่ละวัน ของทุกประเภทสินค้า ราคาขายปลีกของสินค้า และราคาโปรโมชั่นต่างๆ ทางบริษัทจะเป็นผู้วางแผนการขายมาทั้งหมด เพื่อให้การขายสินค้าในงานนี้ขายได้ สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้
• ช่องทางการขายที่จัดบูธครั้งใหญ่ ปีละ 2 ครั้งนี้ ถือเป็นช่องทางการระบายสินค้าจำนวนมากของบริษัท และเป็นการ เร่งยอดการขาย ทั้งกลางปีและปลายปี เพื่อให้บริษัทสามารถทำยอดขายชดเชยหากเป้าหมายการขายประจำ Quater ของบริษัท ทำไม่ได้ตามเป้า ดังนั้นสิ่งที่จะเร่งเร้าการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้ก็อาจเป็นการจัดงาน ลดกระหน่ำกลางปี….. และงาน ลดล้างสต๊อกสิ้นปี….. เพื่อให้เกิดความน่าสนใจที่บูธ และดึงดูดลูกค้า ผู้บริโภค เข้ามาลองซื้อสินค้าไปใช้
• กำหนดให้ มีผู้รับผิดชอบในการทำแผนงานสร้าง กลยุทธ์ในการขายสินค้า ให้ทะลุเป้าหมายในงาน….. โดยจัดทำเป็นแผนแนวทาง และวิธีการปฏิบัติต่างๆ ให้มีทุกรายละเอียดของกิจกรรม ที่จะทำในบูธ เพื่อส่งเสริมให้ยอดขายทะลุเป้าหมายการขายในแต่ละวันให้ได้
• การเก็บเงิน ที่ขายสินค้าได้ทั้งหมด ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่เป็นผู้เก็บ ของบริษัทได้เงินค่าสินค้าจากตัวแทนการขาย ที่ซื้อสินค้า LOT ใหญ่นี้ไปแล้ว บริษัทจะสนับสนุน ป้ายโฆษณาต่างๆ ป้ายราคา และโปรโมชั่น รวมถึงสนับสนุนกำลังคนช่วยขาย และแนะนำสินค้า รวมถึงสินค้าตัวอย่างต่างๆให้กับตัวแทนจำหน่าย
• หากบริษัท ไม่มีตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ ที่มีกำลังเงินมาตัดซื้อสินค้า LOT ใหญ่นี้ได้ อาจต้องจัดดำเนินการเอง

โดยในแนวทางวิธีการทั้งหมด จะส่งผลการสร้างแบรนด์และประชาสัมพันธ์ สินค้าต่างๆ ให้สำเร็จตามเป้าหมายได้ ภายในระยะเวลา 1 ปี เท่านั้น เราทุ่มเทกันทำงานทั้งบริษัท เหนื่อยเพียงครั้งเดียวต่อไปแบรนด์ติดตลาดก็จะขายสินค้าได้ง่ายขึ้น และในความเหนื่อยครั้งนี้ เราจะสามารถเพิ่มยอดขายให้บริษัทได้ 300%

2. พัฒนาทีมงาน ฝ่ายขายและการตลาด  ทีมงานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ของบริษัทฯ และทีมงานขายของ ตัวแทนจำหน่าย ที่ให้การสนับสนุน รวมถึง ตัวแทนขายอิสระ ของตัวแทนจำหน่าย  ให้มีทักษะการขาย และทำงานขาย ให้บรรลุเป้าหมาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

2.1 จัดการฝึกอบรม และพัฒนาทักษะการขาย ให้บุคคลากรของบริษัท ที่เกี่ยวข้อง เป็น นักขายมืออาชีพ โดยอาจใช้หัวข้อการอบรมและเนื้อหาต่างๆจากในเว็บไซด์นี้  5. คุณอนิรุทธ ฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ ผู้ที่สนใจงานขาย ให้เป็นนักขายมืออาชีพ อย่าลืมว่า ในปีนี้ที่จะทำยอดขายเพิ่มขึ้น 300% เราต้องเตรียมกำลังคนเหมือนไปออกรบ เพื่อให้ชนะคู่แข่ง ถึงแม้กำลังคนของเราจะน้อยกว่าของคู่แข่ง แต่ถ้ากำลังคนของเรามีประสิทธิภาพ และทักษะการขาย ที่ดีก็จะสามารถสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆได้

3. ติดตาม ข้อมูลผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์  พัฒนา นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง รวมถึงคอยดูแลมาตรฐานราคาขายปลีกสินค้าของเราว่า ระดับราคาขายปลีก เหมาะสมกับคุณภาพและปริมาณ หรือไม่ เมื่อเทียบกับของคู่แข่ง และเหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภค ในแต่ละระดับที่เป็นลูกค้าของเราโดยตรง 

4. ขยาย ตลาดผลิตภัณฑ์ ในช่องทางต่างๆ ที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น  รวมทั้ง ช่วยพัฒนา การขยายตลาด ของ ตัวแทนจำหน่าย และ แนะนำช่องทางใหม่ๆ ให้ ตัวแทนจำหน่าย สามารถพัฒนายอดขาย ให้ บรรลุเป้าหมายการขาย ของ บริษัทฯได้ ในทุกๆพื้นที่

4.1 จัดทีมงานส่งเสริมการขาย และพัฒนาธุรกิจ ลงพื้นที่ ไปช่วยแก้ปัญหาการขายต่างๆ เช่น ในพื้นที่จังหวัดนี้ มีสินค้าของคู่แข่งติดตลาดทำให้สินค้าของเราไม่เป็นที่นิยม และขายได้น้อย ทางทีมงานที่ลงพื้นที่ไปก็จะต้องเก็บข้อมูล นำมาศึกษาและหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ เพราะถ้าแก้ไม่ได้ สินค้าของเราก็จะขายไม่ออกในพื้นที่นี้

5. ตั้งเป้าหมายการขาย และ จัดวางระดับ ตัวแทนจำหน่าย ในแต่ละภาค ในแต่ละจังหวัด และ ในอำเภอต่างๆ เพื่อให้มี กิจกรรมสนับสนุนการขาย และมีวิธีการ ในการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ ให้รองรับกับเป้าหมาย ของยอดขายที่เพิ่มขึ้น  ในแต่ละพื้นที่

6.  สร้าง และพัฒนา ตัวแทนขายอิสระ (สมาชิก…………..) ให้กับ ตัวแทนจำหน่าย โดยนำเสนอ และ สนับสนุน ให้ ลูกค้า ผู้ใช้สินค้า ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา แล้วเห็นผล ให้มีโอกาสใน การสร้างรายได้เสริม  เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง และครอบครัวให้ดีขึ้น  โดยให้สามารถสมัครเป็น สมาชิก…………. (ตัวแทนขายอิสระ) และให้สามารถ ตัดซื้อสินค้า ในราคาสมาชิก จากตัวแทนจำหน่าย ในเขตพื้นที่ของตนเอง เพื่อนำไปแนะนำ และ ขายผลิตภัณฑ์ให้กับ  ญาติพี่น้อง  เพื่อน  และคนรู้จัก ให้ได้ทดลองซื้อผลิตภัณฑ์ไปใช้

7. ติดตาม และพัฒนายอดขายของ ตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้มียอดขายเพิ่มขึ้นทุกเดือน  โดยมีเป้าหมายให้ตัวแทนจำหน่าย มียอดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ เข้ามาที่บริษัทฯทุกเดือน อย่างต่อเนื่อง

 

8. สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ  เพื่อสนับสนุน และ ร่วมกิจกรรม ในการสร้าง และพัฒนายอดขาย ให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจร่วมกันได้

8.1 บริษัทของท่าน อาจมีการเปิด ตัวแทนจำหน่าย ในประเทศเพื่อนบ้าน และเราสามารถช่วย บริษัทคู่ค้า (ตัวแทนจำหน่าย) หรือ พันธมิตรทางธุรกิจของเรา ในการวางแผนพัฒนายอดขาย ให้ได้ตามเป้าหมายที่เราได้ตั้งไว้กับคู่ค้า เพื่อให้เห็นภาพจริง ผมมีตัวอย่าง และอยากให้ท่านศึกษา รายละเอียดใน บทความที่ 9. กลยุทธ์การพัฒนายอดขาย ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ให้ได้ 20 ล้านบาทในประเทศลาว  ซึ่งผมได้สร้างแผนงานนี้ขึ้นมา เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายในประเทศลาว ตอบรับทำเป้าการขายที่ 20 ล้านบาท กับทางบริษัท และทางบริษัท จะเข้าไปช่วยพัฒนายอดขายในประเทศลาวให้ด้วย

ผมพูดคุยทางโทรศัพท์ กับเจ้าของบริษัท ตัวแทนจำหน่ายที่ประเทศลาว นานกว่า  1 ชั่วโมง ได้รับทราบปัญหา และวิธีการแบบเดิม ที่เขาใช้ทำตลาดในประเทศลาว ข้อมูลจำนวนพนักงาน วิธีการขาย การให้เครดิต การให้ผลตอบแทนกับพนักงานขาย วิธีการเปิดตลาดใหม่ๆในพื้นที่ ข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่างๆ และวิธีการทำตลาดของคู่แข่ง การทำโปรโมชั่นกระตุ้นการขายต่างๆให้กับร้านค้าในประเทศลาว ฯลฯ  จากยอดขายเดิมของปีที่แล้ว ที่ทำไว้กับ บริษัทเพียงไม่ถึง 10 ล้านบาท จะทำให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวได้อย่างไร ซึ่งผมก็ได้อธิบายวิธีการคร่าวๆ และบอกว่า จะจัดทำแผนงาน และกลยุทธ์การพัฒนายอดขายในประเทศลาว ให้ได้ 20 ล้านบาทขึ้นมา และส่งไปให้ดูเพื่อปรับปรุงแผนงานร่วมกัน  เขาก็พอใจและยินดีมาก ชมผมต่างๆนานาว่า ไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้มาก่อน ยินดีสุดๆ ทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน

มีการส่งแผนงาน ใน บทความที่ 9. ไปให้ และทางบริษัท ทำโปรแกรมรีเบส สนับสนุนเงินคืน ถ้าทำยอดสั่งซื้อได้ถึงเป้า (เท่ากับหากลูกค้า ทำยอดขายได้ตามเป้าหมาย หารเฉลี่ยราคาค่าสินค้า จำนวนผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไป กับเงินสนับสนุนก้อนนี้ เท่ากับลูกค้า ซื้อสินค้าจากบริษัทได้ถูกลงไปอีก ทำให้ลูกค้ามีกำไรเพิ่มขึ้น) โดย มีสเต็ปเงินคืนว่า ทำยอดขายสิ้นปี 10 ล้านบาท ได้เงินคืนจากบริษัทเท่าไร ทำ 15 ล้านบาท ได้เงินคืนเท่าไร และ ถ้าปิดยอดการขายที่ 20 ล้านบาท จะได้เงินคืนเท่าไร เราทำเป็นหนังสือ บันทึกข้อตกลง ตอบรับทำเป้ากับทางบริษัท ให้เซ็นทั้ง 2 ฝ่าย  ซึ่งถ้าเราช่วยเขา เขาก็สามารถเพิ่มยอดขายที่ประเทศลาว ได้สูงขึ้น ถึง 20 ล้านบาท ศักยภาพของทีมงาน ในบริษัทตัวแทนนั้น ก็จะเพิ่มขึ้น เพราะพนักงานในบริษัท จะได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะการขาย ตามรูปแบบของบริษัท ให้เป็น นักขายมืออาชีพ อย่างแท้จริง เรียกว่า เราลงทุนพัฒนาครั้งเดียว ได้ใจเจ้าของบริษัทตัวแทนจำหน่าย ทำให้เขาทุ่มการทำตลาดสินค้าของเราอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เขาไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทย เข้าไปติดต่อเขานะครับ มีหลายบริษัทในประเทศไทย แต่เขาเลือกทำกับเราเต็มที่ เพราะเขามั่นใจ และเห็นถึงความจริงใจ ที่บริษัทเรามีต่อเขา อันนี้ก็ได้คะแนน CRM ไปเต็ม 10 เลยนะครับ

8.2 การจะถือหนังสือตอบรับเป้าหมาย เข้าไปคุยกับ เจ้าของตัวแทนจำหน่าย แต่ละราย เพื่อให้เซ็นบันทึกข้อตกลง การทำเป้าหมายการขายรายปีร่วมกัน จะต้องทำแผนงาน นำเสนอ และเตรียมเอกสารข้อมูลต่างๆให้พร้อม และจัดหาของกำนัล ของขวัญ อาจให้ในคราวเดียงกับ ของขวัญปีใหม่เลยก็ได้ครับ และมีการประชุมพูดคุยปัญหา และแนวทางการทำตลาดต่อไปในปีนี้ แลกเปลี่ยนร่วมกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น อาจถือ สติ๊กเกอร์โปรโมทสินค้า หรือ ป้ายประชาสัมพันธ์สินค้าต่างๆ รวมถึงรายการโปรโมชั่น ที่บริษัทจัดทำมาให้ในปีนี้ เพื่อสนับสนุนการขาย เข้าไปให้ด้วย

9.  จัดกิจกรรม และ นำเสนอโครงการ ใหม่ๆ  เพื่อสนับสนุน และส่งเสริม แนวทาง การพัฒนายอดขาย ให้กับ ตัวแทนจำหน่าย ในทุกๆพื้นที่

10.  จัดทำข้อมูล และเอกสาร การฝึกอบรม ต่างๆ  รวมถึงจัดทำ “ คู่มือการขายผลิตภัณฑ์ “  เพื่อสร้างมาตรฐาน  ในการ นำเสนอ ข้อมูลผลิตภัณฑ์ และ ส่งเสริมให้ สมาชิก สามารถประสบความสำเร็จ  ในการร่วมทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น

11.  พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ให้ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น

12. พัฒนา ระบบ Call Center เพื่อตอบปัญหา และ ประสานงานแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

13. ทำ CRM (Customer Relationship Management)  เพื่อทำความเข้าใจกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง เพื่อให้รู้ข้อมูลส่วนลึกของลูกค้า เข้าใจพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆของลูกค้า ให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้า และบริการลูกค้าได้ดีขึ้นกว่าเดิม การทำ CRM จะช่วยลดต้นทุนการโฆษณา และทำให้การเจาะกลุ่มลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงทำได้ง่ายขึ้น  ซึ่งจะทำให้โปรแกรมโปรโมชั่นต่างๆของคุณ ประสบความสำเร็จได้ง่ายยิ่งขึ้น

13.1 ต้องสร้างฐานลูกค้่า โดยพยายามที่จะเข้าถึงลูกค้าในทุกจุดที่จะสามารถติดต่อกับลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็น แผนก Call Center  แผนกบริการหลังการขาย หรือแผนกบัญชี ถ้าสามารถเก็บข้อมูลเหล่านั้น แล้วสร้างฐานข้อมูลขึ้นมา

13.2 จะเก็บข้อมูลที่ไหนมาทำ CRM

• เก็บข้อมูลของลูกค้า ที่สนใจติดต่อเข้ามา เวลาคุณออกโปรแกรมโปรโมชั่นต่างๆ แล้วกลับไปคุยกับลูกค้าใหม่
• วันส่งของ กับวันรับของ  ข้อมูลการจัดซื้อ ข้อมูลทางด้านบัญชี ลูกค้าจ่ายเงิน ช้า -เร็ว 
• ข้อมูลการลงทะเบียนใน เว็บไซต์
• ข้อมูลการให้บริการต่างๆ

13.3 จะทำอะไรกับ CRM

• พัฒนากลยุทธ์ที่จะใช้ในธุรกิจ
• หาสาเหตุว่า ทำไมลูกค้าถึงซื้อสินค้าของคุณ หรือทำไมไม่ซื้อสินค้าของคุณ
• ปรับปรุงทุกจุดทุกช่องทาง ที่จะสัมผัสกับลูกค้า
• ต้องทำงานบนพื้นฐานของข้อมูล
• ถามตัวเองว่า ทุกครั้งที่ถาม 1 คำถาม คุณจะได้อะไรขึ้นมา
• ถามลูกค้าว่า คุณจะสามารถทำอะไรที่ดีกว่าเดิม  และแตกต่างกว่าได้อีก ได้หรือไม่

13.4 จะทำอย่างไรให้ลูกค้าทุกรายซื้อสินค้าของคุณเพิ่มขึ้นได้ เช่น ถ้าลูกค้ามีเงิน 100 บาท เขาเดินเข้ามาซื้อสินค้าจากคุณ 20 บาท ทำอย่างไรถึงจะทำให้เขา ซื้อสินค้าจากคุณเป็น 60 บาท

13.5 คุณจะต้องเข้าใจลูกค้าของคุณ มากกว่าที่ลูกค้าเข้าใจตัวเอง ถ้าลูกค้าอ้าปาก คุณก็ต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร นั่นคือสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับความสำเร็จ ในการทำ CRM

4. พัฒนา การผลิต และการจัดส่ง ไม่ให้ ผลิตภัณฑ์ ขาดตลาด ให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ ถึงลูกค้า ได้อย่างรวดเร็ว และตรงตามเวลานัดหมาย /.